โครงการพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผ่านวัดในสกุลช่างเชียงแสน

The Development of multimedia to promote cultural tourism through the temple in Chiang Saen Craftmen School
สาขาสถาปัตยกรรม คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

วัดเจดีย์หลวง

สถานที่ตั้ง

ที่ตั้ง หมู่ 3 ถนนในเวียง ตำเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 57150

ประวัติความเป็นมา วัดเจดีย์หลวงเดิมสันนิษฐานว่าคือ“ วัดพระหลวง” บ่งชี้ถึงการเป็นวัดสำคัญของเมืองเชียงแสน หรือในภาษาล้านนาหมายถึง เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่กว่าวัดอื่นๆเช่นเดียวกับชื่อวัดพระเจ้าตนหลวงที่เมืองพะเยา

วัดนี้มีประวัติการก่อสร้างที่ยาวนานตำนานกล่าวว่าวัดนี้เป็นวัดแรกของเมืองที่เป็นที่ประดิษฐานกระดูกส่วนอกของพระพุทธเจ้า ต่อมาพระเจ้าแสนภูได้มาสร้างพระมหาวิหารขึ้น ในตำแหน่งกลางเวียง และก่อเจดีย์ครอบเจดีย์องค์เดิม และถวายที่และข้าวัดไว้ ด้วย ซึ่งศักราชของการสร้างนั้นมีความคลาดเคลื่อนกัน เช่น ในพงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสนว่า กล่าวว่าสร้าง ปี พ.ศ.1833 ส่วนพงศาวดารโยนกว่าสร้างในปีพ. ศ. 1873 ถึงแม้จะมีความเคลื่อนกันในเรื่องปีที่สร้างวัด แต่ก็อาจจะสรุปได้กว้าง ๆ ว่าวัดเจดีย์หลวงเป็นวัดที่สร้างโดยพระเจ้าแสนภูในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 19

จากนั้นมาวัดเจดีย์หลวงก็คงจะมีความสำคัญเรื่อยมา และคงผ่านการบูรณะซ่อมแซม สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ขนาดและจำนวนของโบราณสถานที่ขุดค้นทางโบราณคดี เป็นสิ่งยืนยันถึงสถานะของ “มหาธาตุ” กลางเวียงได้อย่างดี ต่อมาวัดนี้ได้ถูกทิ้งร้างพร้อมกับเมืองเชียงแสนในช่วงเวลาต่างๆ จนกระทั่งราวปีพ. ศ. 2503 จึงได้เริ่มมีพระสงฆ์เข้ามาจำพรรษา สร้างสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้นใหม่บนซากโบราณสถานเก่า และเริ่มได้รับการดูแลจากกรมศิลปากรเรื่อยมาจนถึงมีการขุดค้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังพบเรื่องราวของวัด ดังปรากฏตามเอกสารต่าง ๆดังนี้

  1. พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน กล่าวว่า

“…….ศักราชได้ 651 ตัว (พ. ศ. 1833) เดือน 5 เพ็ญ วันอังคาร ก็พร้อมกับด้วยกันสร้างเจดีย์กวมที่เจดีย์เก่านั้นสูง 8 วา สำเร็จบริบูรณ์ ครั้นต่อมาท่านสร้างแล้วได้ 3 ปี ท่านเล็งเห็นวัดพระหลวงนั้นเป็นวัดเค้าเมืองที่นี้ เป็นที่บรรจุกระดูกอกองค์พระพุทธเจ้าแต่ก่อนนั้น ท่านก็บังเกิดยังเจตนาศรัทธาขึ้น…”

“…….ในศักราชได้ 652 ตัวปีกดยี่ (พ. ศ. 1834) เดือน 1 เพ็ญ วันศุกร์ มหาปฐมมูลศักราชพระราชเจ้าพญาแสนภูเป็นเค้า ท่านก็มาสร้างมหาวิหารหลวง ลวงกว้าง 8 วาอกปลายศอก ลวงยาว 17 วา อกเจดีย์สูง 29 วา อกลวงกว้าง 14 วา แล้วบริบูรณ์ ก็กระทำมหกรรมฉลองไว้เขตด้านใต้ด้านตะวันออก 100 วาด้านเหนือถึงท่าหลวง ด้านตะวันตกถึงตีนเวียง ไว้ครัว 50 ไว้นาสองล้านเบี้ย…”

  1. พงศาวดารโยนก กล่าวว่า

“….. แต่สร้างเมืองเชียงแสนแล้วล่วงมาได้ 3 ปีถึงศักราช 692 (พ. ศ 1873) ปีมะเมียโทศก วันศุกร์เดือนอ้าย (คือเดือน 11) ขึ้น 15 ค่ำ เจ้าพญาแสนภูให้สถาปนาที่กลางเมืองเป็นวิหารพระหลวง สร้างวิหารกว้าง 8 วา 1 ศอก ยาว 17 วา ก่อพระเจดีย์สูง 29 วา ฐานกว้างด้านละ 14 วา ไว้เขตอุปจารอารามกว้าง 100 วา ไว้ข้าพระ 50 ครัวไว้นา อารามสองล้านเบี้ย….”

โบราณสถาน พบจำนวนทั้งสิ้น 10 จุดซึ่งเป็นเจดีย์ราย วิหารรายเสียเป็นส่วนมาก โบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่

  1. เจดีย์ประธาน สร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของวิหาร ฐานชั้นล่างสุดเป็นฐานเขียงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีบัวคว่ำสลับหน้ากระดาน ถัดขึ้นไปเป็นฐานแปดเหลี่ยมซ้อนลดหลั่นถัดขึ้นไป 2 ชั้น ชั้นล่างกว้างประมาณด้านละ 9.50 เมตร ถัดขึ้นไปอีกเป็นฐานปัทม์ 4 ชั้น แต่ละชั้นประกอบด้วยหน้ากระดาน-บัวคว่ำ-ท้องไม้-ลวดบัว-ท้องไม้-ลวดบัว-บัวหงาย-หน้ากระดาน ถัดไปเป็นองค์ระฆังทรงกลม มีสายรัดองค์ระฆังฐานรองรับปลียอดและเม็ดน้ำค้าง รอบๆ ฐานล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วรูปแปดเหลี่ยมจากการบูรณะของกรมศิลปากร พบว่าเจดีย์องค์นี้ มีการบูรณะถึง 3 สมัย และเคยหุ้มด้วยทองจังโก โดยสมัยแรกสุด นักโบราณคดีพบเจดีย์ทรงระฆังองค์เล็กด้านใน สมัยต่อมาจึงพบว่ามีการเพิ่มขนาดองค์เจดีย์ใหญ่ขึ้นและสมัยที่ 3 พบว่ามีการขยายฐานล่างสุดให้มั่นคงยิ่งขึ้น
  2. วิหารหลวง สร้างด้วยเทคนิคก่ออิฐถือปูนลักษณะ วิหารมีแผนผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดประมาณ 17 x 41.30 ม. ซึ่งความกว้างเป็นขนาดที่ใกล้เคียงกับที่สร้างในสมัยพญาแสนภู หากแต่วิหารหลังนี้มีการสร้างเสริมทางด้านหน้า อีก 2 ครั้งซึ่งไม่พบในเอกสาร ลักษณะที่พบในสมัยแรกคือ วิหารมีซุ้มโขงก่อที่ทางเข้าด้านหน้าทิศตะวันออก ซึ่งคล้ายกับการสร้างวิหารล้านนาโดยทั่วไปที่ยึดคติการสร้างซุ้มประตูโขงหน้าวิหาร จากการขุดค้นทางโบราณคดี ได้พบการใช้ก้อนหินขนาดใหญ่รองใต้เสา เป็นฐานรากซึ่งเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นเทคนิคการก่อสร้างสมัยเชียงแสนที่หลงเหลืออยู่ มีเสากลมขนาดใหญ่เหลืออยู่เพียง 1 ต้นเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 70 เซนติเมตร ภายในวิหารวัดเจดีย์หลวงประดิษฐานพระประธาน ปูนปั้นศิลปะล้านนาปางมารวิชัย ที่มีพระเศียรค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับพระวรกาย พระพักตร์กลม และรัศมีเป็นรูปดอกบัวตูม

 

ปัจจุบันวิหารหลังนี้เหลือเพียงส่วนฐานผนังด้านหลังพระพุทธรูป และด้านข้างวิหารส่วนฐานเท่านั้นที่เป็นของดั้งเดิม ในส่วนที่สร้างใหม่ได้แก่ฐานชุกชี ก่อพระพุทธรูปใหม่ทับพระพุทธรูปเก่าและทาสีองค์พระใหม่ลาดพื้นซีเมนต์

สำหรับโบราณวัตถุชิ้นสำคัญซึ่งได้จากการขุดค้นขุดแต่งบริเวณวัดเจดีย์หลวงตั้งแต่พ. ศ. 2500 เป็นต้นมา ได้แก่ พระพุทธรูปหินทราย พระบาทและฐานพระพุทธรูปสำริด นอกจากนี้ยังพบพระพิมพ์ต่างๆ เช่น พระพิมพ์ เนื้อชินรูปพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งใต้ซุ้มโพธิ์ พระพิมพ์เนื้อชินรูปพระพุทธรูปลีลา เป็นต้น และยังพบปูนปั้นลายดอกไม้ ลายกลีบบัวคว่ำ บัวหงาย และลายกนก รวมถึงยังพบเศียร พระหัตถ์พระพุทธรูป และพระพักตร์เทวดาปูนปั้นเป็นจำนวนมาก

แผนที่
รูปภาพ