ประวัติความเป็นมา วัดเจดีย์หลวงเดิมสันนิษฐานว่าคือ“ วัดพระหลวง” บ่งชี้ถึงการเป็นวัดสำคัญของเมืองเชียงแสน หรือในภาษาล้านนาหมายถึง เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่กว่าวัดอื่นๆเช่นเดียวกับชื่อวัดพระเจ้าตนหลวงที่เมืองพะเยา
วัดนี้มีประวัติการก่อสร้างที่ยาวนานตำนานกล่าวว่าวัดนี้เป็นวัดแรกของเมืองที่เป็นที่ประดิษฐานกระดูกส่วนอกของพระพุทธเจ้า ต่อมาพระเจ้าแสนภูได้มาสร้างพระมหาวิหารขึ้น ในตำแหน่งกลางเวียง และก่อเจดีย์ครอบเจดีย์องค์เดิม และถวายที่และข้าวัดไว้ ด้วย ซึ่งศักราชของการสร้างนั้นมีความคลาดเคลื่อนกัน เช่น ในพงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสนว่า กล่าวว่าสร้าง ปี พ.ศ.1833 ส่วนพงศาวดารโยนกว่าสร้างในปีพ. ศ. 1873 ถึงแม้จะมีความเคลื่อนกันในเรื่องปีที่สร้างวัด แต่ก็อาจจะสรุปได้กว้าง ๆ ว่าวัดเจดีย์หลวงเป็นวัดที่สร้างโดยพระเจ้าแสนภูในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 19
จากนั้นมาวัดเจดีย์หลวงก็คงจะมีความสำคัญเรื่อยมา และคงผ่านการบูรณะซ่อมแซม สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ขนาดและจำนวนของโบราณสถานที่ขุดค้นทางโบราณคดี เป็นสิ่งยืนยันถึงสถานะของ “มหาธาตุ” กลางเวียงได้อย่างดี ต่อมาวัดนี้ได้ถูกทิ้งร้างพร้อมกับเมืองเชียงแสนในช่วงเวลาต่างๆ จนกระทั่งราวปีพ. ศ. 2503 จึงได้เริ่มมีพระสงฆ์เข้ามาจำพรรษา สร้างสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้นใหม่บนซากโบราณสถานเก่า และเริ่มได้รับการดูแลจากกรมศิลปากรเรื่อยมาจนถึงมีการขุดค้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังพบเรื่องราวของวัด ดังปรากฏตามเอกสารต่าง ๆดังนี้
- พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน กล่าวว่า
“…….ศักราชได้ 651 ตัว (พ. ศ. 1833) เดือน 5 เพ็ญ วันอังคาร ก็พร้อมกับด้วยกันสร้างเจดีย์กวมที่เจดีย์เก่านั้นสูง 8 วา สำเร็จบริบูรณ์ ครั้นต่อมาท่านสร้างแล้วได้ 3 ปี ท่านเล็งเห็นวัดพระหลวงนั้นเป็นวัดเค้าเมืองที่นี้ เป็นที่บรรจุกระดูกอกองค์พระพุทธเจ้าแต่ก่อนนั้น ท่านก็บังเกิดยังเจตนาศรัทธาขึ้น…”
“…….ในศักราชได้ 652 ตัวปีกดยี่ (พ. ศ. 1834) เดือน 1 เพ็ญ วันศุกร์ มหาปฐมมูลศักราชพระราชเจ้าพญาแสนภูเป็นเค้า ท่านก็มาสร้างมหาวิหารหลวง ลวงกว้าง 8 วาอกปลายศอก ลวงยาว 17 วา อกเจดีย์สูง 29 วา อกลวงกว้าง 14 วา แล้วบริบูรณ์ ก็กระทำมหกรรมฉลองไว้เขตด้านใต้ด้านตะวันออก 100 วาด้านเหนือถึงท่าหลวง ด้านตะวันตกถึงตีนเวียง ไว้ครัว 50 ไว้นาสองล้านเบี้ย…”
- พงศาวดารโยนก กล่าวว่า
“….. แต่สร้างเมืองเชียงแสนแล้วล่วงมาได้ 3 ปีถึงศักราช 692 (พ. ศ 1873) ปีมะเมียโทศก วันศุกร์เดือนอ้าย (คือเดือน 11) ขึ้น 15 ค่ำ เจ้าพญาแสนภูให้สถาปนาที่กลางเมืองเป็นวิหารพระหลวง สร้างวิหารกว้าง 8 วา 1 ศอก ยาว 17 วา ก่อพระเจดีย์สูง 29 วา ฐานกว้างด้านละ 14 วา ไว้เขตอุปจารอารามกว้าง 100 วา ไว้ข้าพระ 50 ครัวไว้นา อารามสองล้านเบี้ย….”
โบราณสถาน พบจำนวนทั้งสิ้น 10 จุดซึ่งเป็นเจดีย์ราย วิหารรายเสียเป็นส่วนมาก โบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่
- เจดีย์ประธาน สร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของวิหาร ฐานชั้นล่างสุดเป็นฐานเขียงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีบัวคว่ำสลับหน้ากระดาน ถัดขึ้นไปเป็นฐานแปดเหลี่ยมซ้อนลดหลั่นถัดขึ้นไป 2 ชั้น ชั้นล่างกว้างประมาณด้านละ 9.50 เมตร ถัดขึ้นไปอีกเป็นฐานปัทม์ 4 ชั้น แต่ละชั้นประกอบด้วยหน้ากระดาน-บัวคว่ำ-ท้องไม้-ลวดบัว-ท้องไม้-ลวดบัว-บัวหงาย-หน้ากระดาน ถัดไปเป็นองค์ระฆังทรงกลม มีสายรัดองค์ระฆังฐานรองรับปลียอดและเม็ดน้ำค้าง รอบๆ ฐานล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วรูปแปดเหลี่ยมจากการบูรณะของกรมศิลปากร พบว่าเจดีย์องค์นี้ มีการบูรณะถึง 3 สมัย และเคยหุ้มด้วยทองจังโก โดยสมัยแรกสุด นักโบราณคดีพบเจดีย์ทรงระฆังองค์เล็กด้านใน สมัยต่อมาจึงพบว่ามีการเพิ่มขนาดองค์เจดีย์ใหญ่ขึ้นและสมัยที่ 3 พบว่ามีการขยายฐานล่างสุดให้มั่นคงยิ่งขึ้น
- วิหารหลวง สร้างด้วยเทคนิคก่ออิฐถือปูนลักษณะ วิหารมีแผนผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดประมาณ 17 x 41.30 ม. ซึ่งความกว้างเป็นขนาดที่ใกล้เคียงกับที่สร้างในสมัยพญาแสนภู หากแต่วิหารหลังนี้มีการสร้างเสริมทางด้านหน้า อีก 2 ครั้งซึ่งไม่พบในเอกสาร ลักษณะที่พบในสมัยแรกคือ วิหารมีซุ้มโขงก่อที่ทางเข้าด้านหน้าทิศตะวันออก ซึ่งคล้ายกับการสร้างวิหารล้านนาโดยทั่วไปที่ยึดคติการสร้างซุ้มประตูโขงหน้าวิหาร จากการขุดค้นทางโบราณคดี ได้พบการใช้ก้อนหินขนาดใหญ่รองใต้เสา เป็นฐานรากซึ่งเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นเทคนิคการก่อสร้างสมัยเชียงแสนที่หลงเหลืออยู่ มีเสากลมขนาดใหญ่เหลืออยู่เพียง 1 ต้นเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 70 เซนติเมตร ภายในวิหารวัดเจดีย์หลวงประดิษฐานพระประธาน ปูนปั้นศิลปะล้านนาปางมารวิชัย ที่มีพระเศียรค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับพระวรกาย พระพักตร์กลม และรัศมีเป็นรูปดอกบัวตูม
ปัจจุบันวิหารหลังนี้เหลือเพียงส่วนฐานผนังด้านหลังพระพุทธรูป และด้านข้างวิหารส่วนฐานเท่านั้นที่เป็นของดั้งเดิม ในส่วนที่สร้างใหม่ได้แก่ฐานชุกชี ก่อพระพุทธรูปใหม่ทับพระพุทธรูปเก่าและทาสีองค์พระใหม่ลาดพื้นซีเมนต์
สำหรับโบราณวัตถุชิ้นสำคัญซึ่งได้จากการขุดค้นขุดแต่งบริเวณวัดเจดีย์หลวงตั้งแต่พ. ศ. 2500 เป็นต้นมา ได้แก่ พระพุทธรูปหินทราย พระบาทและฐานพระพุทธรูปสำริด นอกจากนี้ยังพบพระพิมพ์ต่างๆ เช่น พระพิมพ์ เนื้อชินรูปพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งใต้ซุ้มโพธิ์ พระพิมพ์เนื้อชินรูปพระพุทธรูปลีลา เป็นต้น และยังพบปูนปั้นลายดอกไม้ ลายกลีบบัวคว่ำ บัวหงาย และลายกนก รวมถึงยังพบเศียร พระหัตถ์พระพุทธรูป และพระพักตร์เทวดาปูนปั้นเป็นจำนวนมาก